ผมเขียนประเด็นนี้ ในวันที่นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการลงทุนหน้าหนึ่งของไทย lucia88 โน่นเป็นการเกิด Circuit Breaker เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งใจจริงต้องการจะเขียนถึงตั้งแต่วันแรกที่เกิด แม้กระนั้นภายหลังจาก Circuit breaker หนแรกผ่านไป ตลาดยังไม่สู้ดีทั้งยังในรวมทั้งต่างถิ่น ในเชิงวิธีแล้ว บางทีอาจยังไม่สุด ก็เลยเลือกว่าจะมาเขียนอีกวัน โดยไม่คาดคะเนหรอกว่าจะมา กำเนิดอีกที ในวันนี้ (วันที่เขียน)
ในช่วงเวลาที่มองเห็นภาวะตลาดต่างแดนเมื่อคืนนี้ที่เกิดวันแรก (12/03/2563) แล้ว ก็แอบลุ้นแม้กระนั้น จะมี circuit breaker อีกครั้งไหม.. (ที่ลุ้นได้ เพราะว่าไม่มีหุ้นในมือเลย)
Circuit breaker เป็นมาตรการหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ lucia88 เป็นการหยุดทำซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาดหุ้นชั่วครั้งชั่วคราว แบ่งเป็น 2 รอบ ดังต่อไปนี้ รอบแรกในกรณีที่ดรรชนีตลาดตกลง หรือลบ ถึง 10% โดยจะหยุดทำซื้อขายแลกเปลี่ยนตรงเวลา 30 นาที และก็รอบสอง ถ้าหากเปิดตลาดแล้ว ดรรชนีตลาด ตก หรือลบไปอีกถึง 20% ก็จะเข้าสู่ Circuit breaker ได้อีกรอบ จะหยุดกระทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนตรงเวลา 1 ชั่วโมง เป็นมาตรการคุ้มครองปกป้องความบกพร่องแล้วก็ทางด้านเทคนิคหลายๆด้าน แต่ว่าถ้าหากรอบแรก หยุดไปแล้ว แล้วหุ้นยังตกลงไป เป็น 11-19% ก็จะไม่มีการหยุดจำหน่ายอะไร
ตามประวัติศาสตร์ไทย ยังไม่เคยกำเนิดถึงรอบ 2 แม้กระนั้นสำหรับ รอบแรก ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเคยใช้มาตรการนี้ไปแล้ว 3 ครั้ง ก่อนที่จะมีอีกในปีนี้ 2 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง (ณ วันที่เขียนก็ยังไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นอีกไหม แม้กระนั้นนักเขียนมั่นใจว่า ผ่านจุดห่วยแตกที่สุดไปแล้ว)
การเกิดทีแรก เป็นเมื่อปี 2549 ปัจจัย แผนการกันเงินทุนสำรองจากฝรั่ง 30% สรุปกล้วยๆเป็นมาตรการด้านการเงินบกพร่อง, ครั้งลำดับที่สอง เป็นวิกฤติการคลังโลก ซับไพรม์ (subprime) หรือ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แล้วก็ครั้งที่ 3 ก็วิกฤติเดียวกัน ปีเดียวกัน แม้กระนั้นห่างกัน 17 วันเป็นวันที่ 10 เดือนตุลาคม กับ 27 ตุลาคม ปี 2551
สำหรับสิ่งที่พึ่งจะผ่านไปเป็น12 มี.ค. รวมทั้ง 13 มี.ค. 2563 เป็นครั้งที่ 4-5 แน่ๆนับได้ว่าเป็นทีแรกที่เกิดขึ้นชิดกัน 2 วัน เพียงพอรู้ได้ว่ามูลเหตุหลักเป็นการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 หรือ วัวโรน่าเชื้อไวรัส ทำให้ทั้งโลกป่วนปั่น และก็ถือว่าเป็นต้นเหตุอื่นที่ไม่ใช่ เหตุทางด้านการเงิน ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าภาวะวิกฤติการลงทุนได้ขนาดนี้ (กรณีอื่นๆที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ห่วย เป็นความรู้สึกกลุ้มใจการสู้รบระหว่างชาติ)
ตามที่เขียนไปในบทความก่อนแล้วว่า “ตลาดหลักทรัพย์ไทย ไม่กี่วันที่ผ่านมา บอกอะไรพวกเรา” เมื่อข้อเท็จจริงยิ่งกระจ่างขึ้น แล้วก็มีผลร้ายแรงขึ้น มันก็ย่อมเป็นไปตามนั้น แต่ว่า.. สิ่งที่น่าสังเกตุเป็น “ความรวดเร็ว” การเกิด circuit breaker ถึง 2 รอบใกล้ๆกันนั้นไม่ธรรมดา ถึงแม้ต้นเหตุจะแน่ชัด แม้กระนั้นก็มองเกินเหตุไปนิดหน่อย จิตวิทยานักลงทุน ไม่ดังเดิม บางทีอาจด้วยข่าวสารโลก ระบบการค้าขายที่มีคอมพิวเตอร์เกี่ยวพัน ทำให้ อะไร เหมือนกับเกิดขึ้นเร็วเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็น (ในขณะที่น่าตกใจ รวมทั้งหลายๆคนเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน)
จะว่าไปแล้วถ้าเกิดพอเพียงพิจารณาภาพรวมตลาดการลงทุนในตอนปีข้างหลัง ตลาดปั่นป่วนได้ง่ายยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากมาย การขึ้นลงระดับ 40-50 จุด มีเสมอๆในขณะที่ไม่มีเหตุการใหญ่อะไร ผมก็เลยไม่ฉงนใจกับสิ่งที่เกิดในวันนี้นัก แต่ว่าก็มิได้แสดงว่า พึงพอใจหรือยินดี เพราะเหตุว่านี่ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่พูดว่า นักลงทุนรายย่อยทั่วๆไป บางทีอาจยากลำเค็ญขึ้น อาชีพ “นักลงทุน” ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ถ้าเกิดว่าไม่มี หรือเปล่าใช้เครื่องมือที่ดีพอเพียง
ผมไม่ใช่นักลงทุนอาชีพ แต่ว่าก็ลงทุนอยู่ตลอดในส่วนใดส่วนหนึ่ง รวมทั้งเป็นนักลงทุนแบบเก่า ที่จะว่าไปโชคดีปรับมาจนกระทั่งมีแนวทางตามที่เขียนในหนังสือ Reverse Hybrid (กลับหัวกลับหางคิด ปราบตลาดค้าหุ้น) เอาไว้ เนื่องจากว่าทุกๆวันนี้เคล็ดลับสิ่งเดียวอาจจะสู้คอมพิวเตอร์มิได้ VI ก็อาจไม่ทัน เช่นไร ก็จำต้องปรับนิสัยขอรับ ในทุกอาชีพ ทุกแวดวง กันถัดไป ในวันที่โลก อะไรๆก็เกิดขึ้นใหม่ ได้เสมอ
No Comment