ตัดฉับไปอีกฝั่ง… ย้อนกลับไปเมื่อ 20.40 น. เกรนซึ่งนั่งรอในห้องเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อเพื่อนยังไม่กลับขึ้นมาสักทีแค่ไปซื้อของทำไมเหลวไหลแบบนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง ผ่านมาได้ 3-4 วันพอไม่เจออะไรคงย่ามใจสินะ lyn68
ระหว่างรอจึงทำหน้าที่อย่างเคย คลุมทีวี ปิดกระจก ปิดม่านและยิ่งร้อนรนขึ้นเมื่อเวลา 20.50 น. ท่าไม่ดีแล้วล่ะความรู้สึกมันบอก เกรนรีบออกมาจากห้อง หันซ้าย – ขวาอยู่นานเพื่อนตัวดีก็ไม่โผล่สักที จะลงลิฟท์ไปตาม lyn68 ข้างล่างปรากฏว่าค้างทั้งสองตัว ตัวหนึ่งค้างที่ชั้น 9 อีกตัวชั้น 12Aรุจอยู่ตัวไหน หรือว่ายังอยู่ 7/11 ไม่ช่วยไม่พอ มาเป็นภาระอีกอีตานี่ เกรนวิ่งกลับไปโทรเข้าฝ่ายอาคารบอกว่าลิฟท์ค้างทางนั้นก็แจ้งมาว่าทราบเรื่องแล้ว เมื่อเกรนถามว่าเห็นผู้ชายลักษณะท่าทางแบบนี้ในลิฟท์มั้ย จนท. บอกว่าจากกล้องเห็นรุจในอยู่ลิฟท์ที่ค้างอยู่ชั้น 9 และบอกต่อว่า ช่างกำลังเดินทางมา น่าจะถึงภายในครึ่งชั่วโมงเกรนหันไปมองนาฬิกา ตอนนั้น 20.58 น. รอช่างไม่ทันแล้ว…เกรนรีบวิ่งออกไปจากห้อง…ตัดมาฝั่งรุจ ขนทั่วร่างกลับมาลุกอีกครั้งหลังจากไม่ลุกมาหลายวัน เป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างอยู่ใกล้ๆ เริ่มจากได้ยินเสียงเหมือนใครเอาเล็บขูดไปรอบลิฟท์ เสียงดัง ครืดด… ครืดด…
ช่างเหรอ? ช่างมาเหรอ? ไม่ใช่ชัวร์ ความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่ช่าง เสียงไม่ได้ดังมาจากข้างนอก มันดังอยู่ข้างในนี้ล่ะ!?แล้วอะไรเสียล่ะ ตอนขึ้นก็ขึ้นมาคนเดียว แสดงว่า…รุจกัดฟันเอามือปิดหู หลับตาซุกเข่า แม้จะปิดเกือบทุกโสตประสาท แต่หูรุจก็ยังได้ยินเสียงอะไรบางอย่างไม่ใช่เสียงขูดขีดอะไรแล้ว แต่เป็นเสียงเย็นๆ ดังก้องในหู
“เธอ… เธอ… ดูนี่สิ”
คราวนี้ขนทั้งตัวลุกซู่ ผมยังดูเหมือนจะตั้งได้ รุจขุดทุกบทสวดเท่าที่จำได้ในชีวิต ปนกันมั่วไปหมด แต่ที่จำได้ว่าพูดถูกคือสัญญาว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่าทำร้ายกันเลย เวลาแค่ไม่กี่นาทีดูเหมือนนานนนนนนนสักครู่หลังจากนั้นจึงมีความรู้สึกว่าไฟติด ลิฟท์เคลื่อนที่อีกครั้ง รุจไม่กล้ามองไปรอบๆ ตัว มองแค่พื้นจนประตูลิฟต์เปิดเสียงดัง กริ๊ง จึงได้ยินเสียงเกรนดังว่า
“อย่าลืมตา” รุจได้ยินแทบอยากกระโดดกอดเพื่อน เกรนเอื้อมมือมาจับแล้วจูงรุจออกจากลิฟท์
No Comment