ในตอนแรก พวกเราได้ชี้แจงเกี่ยวกับ ปริมาณอีเวนต์เมตาบอลิก MPE : Metabolic Power Event ไปแล้วเกี่ยวกับว่าพวกเราจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์ได้เช่นไร luciaone โดยจะพิจารณาถึงสองเหตุเป็นหลัก ต้นสายปลายเหตุแรกก็คือ ความอยาก ซึ่งก็คือ การที่นักกีฬามีการเคลื่อน โดยยิ่งไปกว่านั้นชนิดการสปรินท์ รวมทั้ง ช่วงเวลาพัก Recovery Phase นั่นเอง
สำหรับเพื่อการแข่งบอลเกมหนึ่ง luciaone นั้น ปัญหาของคณะทำงานสตาฟผู้ฝึกสอน ชอบไม่อาจจะทราบว่า นักกีฬาของตัวเองที่ลงแข่งขันนั้น มีความหนัก ต่างกันหรือ เสมอกัน ด้วยเหตุว่าครั้งคราว ระยะทางที่ทำเป็น (Distance Cover) เกือบจะไม่ได้แตกต่างกัน หรือ ค่าเมตาบอลิกพาวเวอร์ ก็เกือบจะไม่แตกต่างกัน ทำให้พวกเราคำนวณจำนวนการฝึกฝนของนักกีฬาแทบไม่ได้มีความแตกต่างกัน แต่ว่าตามที่จริงแล้ว มันแตกต่าง วันนี้พวกเราจะนำท่านไปสู่การแปลผลการนำค่า อีเวนต์ทางเมตาบอลิก ไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปรียบเทียบความหนักของนักกีฬา
แบบอย่างที่ประยุกต์ใช้สำหรับการพินิจพิจารณาข้อมูลเป็นนักกีฬาสองคน คนละตำแหน่งกัน ซึ่งก็คือ กองกลาง (Midfielder) แล้วก็ แผงหน้า (Attacker) แม้ปริมาณของ MPE จะไม่เหมือนกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แล้วก็รายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกือบจะไม่ได้แตกต่างกัน ปริศนาก็คือ แล้วผู้ใดได้รับโหลดมากยิ่งกว่ากัน กองกลาง หรือ แนวรุก อย่างแรกที่พวกเราจึงควรให้ความเอาใจใส่ ในกีฬาบอล เนื่องจากว่ากีฬาบอล ธรรมชาติของกีฬานั้นจะเป็นการเขยื้อนแบบหนักสลับตอนพัก ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราสามารถแบ่งเฟสของการเคลื่อนที่ในนักกีฬาออกได้เป็นสองเฟส
Work Phase มันก็คือ เฟสที่มีการเคลื่อน โดยค่าถัวเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในแต่ละครั้งของตำแหน่งมิดฟิลด์นั้นจะอยู่ที่ 6.4 วินาที (ค่า Metabolic Power อยู่ที่ 21.8 W/Kg) แล้วก็ในตำแหน่งแผงหน้า ค่าถัวเฉลี่ยสำหรับในการเคลื่อนอยู่ที่ 7.2 วินาที (ค่า Metabolic Power อยู่ที่ 24.4 W/Kg) จะมองเห็นได้ว่า ในเฟสนี้ นักกีฬาในตำแหน่งแผงหน้าจะมีค่าสูงขึ้นยิ่งกว่า มิดฟิลด์โดยประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงว่า ในแต่ละอีเวนต์ที่เกิดขึ้น แนวรุกจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานมากยิ่งกว่ากองกลาง 25 เปอร์เซ็นต์ นั่นเอง
เพื่อเข้าใจในเรื่องสถานะต่างๆพวกเราทดลองนำข้อมูลมาพล็อตบนแกนเพื่อมองผู้กระทำระจาย โดยแกนนนอนเป็นระยะเวลา แกนตั้งเป็นความหนัก แล้วก็นำ ทั้งคู่เฟสมาเทียบกัน อีกทั้ง Work Phase และก็ Recovery Phase พวกเราจะพบว่าผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางนั้นมีค่าของ WorkPhase นั้นอยู่ในตแหน่างที่ใกล้เคียงกับ Team Average แต่ว่าในระหว่างที่ผู้เล่นตำแหน่งแนวรุก มีความหนักของงานที่ทำรวมทั้งช่วงเวลาสถานที่สำหรับทำงานนั้นสูงขึ้นยิ่งกว่า อีกทั้งมิดฟิลด์และก็ค่าถัวเฉลี่ยกลุ่มมากมาย นั่นเอง
Recovery Phase ตรงกันข้าม ยุทธวิธีสำหรับการจัดแจงการฟื้นภาวะของนักกีฬา นั้นพวกเราจะมองเห็นได้ว่า ในผู้เล่นทั้งคู่คนนั้นมีช่วงเวลาสำหรับเพื่อการรู้สึกตัวภาวะ Recovery ใกล้เคียงกันเป็นโดยประมาณ 30 วินาที ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง จะมีความหนักสำหรับในการพักสูงยิ่งกว่า โน่นมีความหมายว่า การเคลื่อนที่ยังคงเกิดขึ้น แม้กระนั้นลดความหนักลงนั่นเอง โดยค่า Metabolic Power อยู่ที่ 6.4 W/Kg ในช่วงเวลาที่ Attacker เขาจะลดความหนักลงมากกว่า หรือค่อนจะเคลื่อนน้อยกว่านั่นเอง Metabolic Power 5.2 W/Kg ซึ่งน้อยกว่ากองกลางถึง 23 เปอร์เซ็นต์ พวกเราก็นำแผนภูมิมาแสดงเหมือนกัน
นอกเหนือจากการพินิจพิจารณาเทียบระหว่างผู้เล่นสองตำแหน่งตามที่ยกตัวอย่างมาให้ดูแล้ว นั้น พวกเราสามารถเปรียบ ความไม่เหมือนของตำแหน่งได้ดังนี้
กองหลัก Defenders : ชอบอยู่รอบๆกลางเป็นความหนัก แล้วก็ช่วงเวลา อยู่ที่ระดับ ปานกลาง Moderate
มิดฟิลด์ Midfielders ชอบอยู่รอบๆ ข้างบนซ้ายของแผนภูมิผู้กระทำระจาย มีช่วงเวลาการพักที่น้อยกว่า รวมทั้งมีการเขยื้อนตลอดระยะเวลา
แนวรุก Attackers: ชอบอยู่รอบๆขวาที่อยู่ข้างล่างของแผนภูมิ การฟื้นภาวะ โน่นมีความหมายว่า พวกเขาอยากได้เวลาสำหรับเพื่อการรู้สึกตัวภาวะมากยิ่งกว่า รวมทั้งจะมีความเห็นว่าจะยืนมากมายกว่า การเคลื่อนที่
ซึ่งข้อมูลนี้จะมีคุณประโยชน์ สำหรับแผงหน้า สำหรับเพื่อการรู้สึกตัวภาวะหลังจากการเปิดเกมรุก ที่รวดเร็วทันใจ แน่ๆว่าจำนวนงานที่ทำก็จำต้องสูงรวมทั้งระในตอนที่เป็นเวลานานกว่า โน่นก็จะมีผลต่อการฟื้นภาวะที่เป็นเวลานานกว่า นั่นเอง แต่ว่าแม้กระนั้น ข้อมูลนี้บางครั้งก็อาจจะจำต้องมองในเรื่องของเคล็ดลับ แทคติก และความถนัดของผู้เล่นแต่ละคน ผู้เล่นบางบุคคลเขยื้อนไวอย่างมีคุณภาพ ก็จะมีผลให้จำนวนงานไม่สูงมากมาย หรือ หากแทคติกของกลุ่ม ในเกมรับต่ำ และก็ทิ้งแผงหน้าไว้ข้างบน พวกเราก็จะมองเห็น Work Rate ของกองหน้าที่สูง รวมทั้ง Recovery Phase ที่ยาวกว่าของกองหน้านั่นเอง
ด้วยเหตุนั้นก็เลยสรุปได้ว่า MPE: Metatbolic Power Event ก็เลยเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้คนฝึกสามารถแบ่งแยกความหนัก ช่วงเวลาสำหรับในการรู้สึกตัวภาวะ ระหว่างการแข่งขันชิงชัย ได้อย่างเหมาะควรแล้วก็มีความจำเพาะเฉพาะเจาะจงนั่นเอง เจอกันใหม่ในบทความต่อๆไป
No Comment